หากเอ่ยถึงกระบวนการ Machining ในการผลิต หลายคนอาจติดภาพของเครื่องจักรที่ทำงานอย่างสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา จะมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการต่อเมื่อเกิดการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ยืดระยะเวลาของเครื่องมือตัด ลดการสึกหรอของอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถผลิตงานที่ดีได้ในต้นทุนที่ต่ำลง
11 Tips เพื่อยืดอายุเครื่องมือในการทำงาน Machining
1. เลือกวิธีการป้อนวัตถุดิบและความเร็วในการป้อนที่เหมาะสม
อัตราการป้อนที่เหมาะสมไม่ใช่แค่การอ่านคู่มือ! แต่ต้องผ่านการคำนวณอย่างเหมาะสมด้วยผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานเกี่ยวกับเครื่องมือนั้นๆ ดังนั้นก่อนเริ่มการทำงานจริง ต้องมีการคำนวณสปีดและอัตราการป้อนที่เหมาะที่สุดด้วยเครื่องมือที่มี
2. ใส่ใจกับค่าการโก่งงอ (Deflection)
การปล่อยให้อุปกรณ์ Machining มีความโก่ง ความเบี้ยว เช่น หัวสว่าน หรือหัวเอ็นมิลล์โก่ง มีโอกาสที่ทำให้งานพังหรือหักสูงมาก หากพบว่าอุปกรณ์ใดมีความโก่งมาก ควรเปลี่ยนหรือทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนการทำงาน
3. หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดเศษที่เกิดจากการตัด
เศษวัสดุเล็กๆ ที่เกิดจากกระบวนการ Machining เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหากับเครื่องมือเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ใบมีด เม็ดมีดมีปัญหา จนถึงการทำเครื่องจักรสำคัญพังได้เลยทีเดียว ดังนั้นควรมั่นใจว่ามีการติดตั้งน้ำยาหล่อเย็นเพียงพอที่จะกำจัดเศษเหล่านี้
แน่นอนว่าการเลือกรูปแบบการฉีดน้ำยาหล่อเย็นเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของละอองน้ำ หรือแบบฉีด ที่จะให้ผลแตกต่างกันออกไป ควรมีการสังเกตหรือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญขณะดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ
4. ใช้งานสารหล่อลื่นกับวัสดุที่มีความเหนียว
ในงาน Machining ย่อมแน่นอนว่ามีโอกาสที่จะต้องทำงานกับวัสดุที่มีความเหนียวเช่นอลูมิเนียม จนเกิดการสะสมของเศษวัสดุที่คมตัด (Build-Up Edge: BUE) ทำให้คมมีดหรืออุปกรณ์เสียหายได้ เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำงานตัวร่วมกับน้ำยาหล่อเย็นต่างๆ หรือมีการเคลือบพื้นผิวอุปกรณ์ด้วยสารเฉพาะเพื่อช่วยในการตัด ที่จะทำให้งานสะดวกยิ่งขึ้น
5. ลดความเร็วขอบให้พอเหมาะ
การใช้ความเร็วมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียในระยะยาว เราอาจต้องเลือกความเร็วในการทำงาน กับความยั่งยืนของเครื่องมือ ซึ่งการลดความเร็วขอบ (Surface Speed) เพียงเล็กน้อย สามารถช่วยให้อายุการใช้งานเพิ่มขึ้นได้ เพราะอุณหภูมิของเครื่องมือตัดจะลดลง ลดความเสี่ยงในการสึกหรอของเครื่องมือที่เกิดจากความร้อนมากขึ้น
6. เลือกความเร็วให้เหมาะกับวัสดุ
การลดความเร็วช่วยยืดอายุการใช้งานก็จริง แต่การปรับให้เหมาะสมในการทำงานต่างๆ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า ดังนั้นต้องมีการสังเกตก่อนว่าเราทำงานอะไร วัสดุแบบไหน ต้องการใช้ความเร็วเท่าไหร่ และควรมีการทดสอบก่อนการทำงานจริง เพื่อทำให้มั่นใจว่าการทำงานนั้นราบรื่นมากขึ้น
7. เริ่มกระบวนการตัดที่ช้าและใจเย็น เมื่อเริ่มใช้งานโปรแกรมประเภท (CAM)
Computer aided manufacturing (CAM) คือการใช้คอมพิวเตอร์ที่คอยควมคุมการผลิตในโรงงานเพื่อดำเนินการทำงาน แน่นอนว่ามันมีความสะดวก แต่ถ้าเกิดเราใจร้อนก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน
เชื่อหรือไม่ว่าอุปกรณ์การตัดที่เกิดปัญหาส่วนใหญ่จะมีการสึกหรอตั้งแต่เริ่มการตัด โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับวัสดุที่ผ่านการชุบแข็ง ดังนั้นการตัดเฉือนวัสดุประเภทนี้ควรทำอย่างช้าๆ และใจเย็นหลีกเลี่ยงการใช้กดเครื่องมือหรือใบมีดตัดเข้าหาวัสดุแบบแรงๆ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
8. มีความนิ่มนวลในการทำงาน
ไม่ใช่แค่การทำงานกับโปรแกรมเท่านั้น การทำงานรูปแบบอื่นๆ ในกระบวนการ Machining ก็จำเป็นจะต้องใช้ความนิ่มนวลและใจเย็นเช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับวัสดุและอุปกรณ์ที่เหมาะสม
9. ใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับความรุนแรงในการทำงาน
ขึ้นชื่อว่าเครื่องจักรย่อมต้องการความรุนแรงในการทำงานอยู่บ้าง ก่อนดำเนินงานเอ็นมิลล์หรืองานตัดอื่นๆ ต้องมีการตรวจสอบว่าเครื่องมือประเภทไหน เหมาะสมกับการทำงานแบบไหน และสามารถใช้งานอย่างรุนแรงได้แค่ไหน (ความทนทาน รูปแบบวัสดุ ความเร็วในการตัด) หากเป็นเครื่องมือขนาดเล็กก็อาจไม่เหมาะจะทำงานใหญ่หรือยากเกินไปนัก
10. กระจายการสึกหรอให้ทั่วคมมีด
ในการทำงาน Machining การสึกหรอเพียงส่วนเดียวนั้นน่าเป็นห่วงมากกว่าการสึกหรอแบบกระจายมากนัก เหล่าเครื่องมือที่มีการสึกหรอเท่าๆ กันมักมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มความลึกในการตัด และมีการปล่อยใบมีดให้ตัดเฉือนอากาศระหว่างการทำงานเพื่อเป็นการคายความร้อน
11. ลดการส่าย (Runout) ในกระบวนการ Machiningให้น้อยที่สุด
การส่ายของแกนหมุน (Spindle) แม้จะเพียงเล็กน้อยก็มีโอกาสทำให้เกิดปัญหาได้ และยิ่งปล่อยไว้นานไปยิ่งทำให้เกิดปัญหา ผู้ใช้งานอุปกรณ์จึงต้องมีการสังเกตและตรวจสอบอยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้ Spindle ส่ายไปมา
การคาดคะเนอายุการใช้งานของอุปกรณ์เองก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้เตรียมตัวหรือดำเนินการเปลี่ยนก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นระหว่างการ Machining
เครื่องมือต้องรักษา อายุการใช้งานจึงสำคัญ
อายุการใช้งานของเครื่องมือสามารถสังเกตได้จาก 3 ปัจจัย คือ
1. ปริมาณของวัตถุที่ถูกตัดหรือเฉือน ตลอดการใช้งานของเครื่องมือนั้นๆ
2. ช่วงเวลาการใช้งานทั้งหมดของอุปกรณ์ Machining นั้นๆ โดยคิดเป็นนาที
3. จำนวนของเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอุปกรณ์ Machining ชิ้นนี้
แน่นอนว่าหลายคนอาจเลือกใช้เครื่องมือตัดเฉือนจนกว่ามันจะพัง หรือหมดอายุการใช้งานไปต่อหน้าต่อตา แต่นั่นอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับเครื่องจักรหรือชิ้นงานได้ ดังนั้นการคำนวณอายุของมันไว้ล่วงหน้า รวมถึงการเปลี่ยน Tools ใหม่ ให้เกิดความเหมาะสมในการทำงานจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก
เครื่องมือรุ่นใหม่ ตรวจสอบอายุการใช้งานง่ายกว่าที่คิด
เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมักมาพร้อมกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม จนอาจถูกมองว่าเป็นความยุ่งยาก โดยเฉพาะการตรวจสอบอายุการใช้งานที่ในบางครั้งไม่อาจสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งจริงๆ มันมีวิธีที่สามารถตรวจสอบคร่าวๆ ได้ ดังนี้
การตรวจสอบด้วยระบบภายในเครื่อง Machining เครื่องตัดรุ่นใหม่ๆ นั้นมักมีการเก็บข้อมูลการใช้งานอุปกรณ์ภายในอยู่แล้ว รวมถึงมีการส่งสัญญาณเตือนหากพบว่าอายุการใช้งานของเครื่องมือตัดเริ่มเกินเกณฑ์ที่กำหนด ดังนั้นเราสามารถตรวจสอบอายุของเครื่องมือตัดได้ทันที
โพรบดิจิทัล (Digital Probes) ที่ใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ สามารถบอกได้ว่าเกิดสิ่งผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นเคืร่องมือชำรุดหรือข้อผิดพลาด เมื่อเราเห็นค่าที่สูงหรือต่ำเกินปกติ
การเคลื่อนไหวของ Spindle การสังเกต Spindle หรือเพลาหมุนในเครื่องจักรเป็นอีกวิธีที่สามารถตรวจเช็คถึงความผิดปกติของระบบ Machining ได้ โดยเฉพาะในเวลาที่เราเห็นการหมุนแบบไม่คงที่ เร็วไป หรือช้าไปจากปกติ สิ่งเหล่านี้อาจเกิดจากการสึกหรอของเครื่องมือตัดภายใน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในภายหลังได้
ในการทำงานจริงนั้น ไม่เพียงแค่เครื่องมือรุ่นใหม่จะสามารถตรวจสอบอายุการใช้งานหรือการสึกหรอได้ แต่ยังรวมไปถึงการตั้งค่าการเปลี่ยนอุปกรณ์ตัดภายในระบบ Automation ให้เลยเมื่อเกิดปัญหาการสึกหรอหรือทำงานผิดพลาด ทำให้งานทั้งหมดสามารถทำต่อได้แบบไม่มีสะดุด
สรุปบทความ
การให้ความใส่ใจ Tools Life และ Tools Wear เป็นอีกปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการทำงาน Machining เพื่อให้เครื่องมือและเครื่องจักรที่เราใช้งานอยู่ สามารถทำงานให้กับเราได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา อีกทั้งยังเสียค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าในระยะยาวด้วย
หากคุณสนใจการการวางแผนการทำ Machining รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ คุณสามารถติดต่อเราได้ที่นี่ ด้วยบริการให้คำปรึกษาจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค เครื่องมือ และเครื่องจักรกลคุณภาพสูง พร้อมให้บริการกับคุณอย่างเต็มที่
บริการด้านเครื่องจักรจากสุมิพล
สุมิพลให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเครื่องจักรอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับกระบวนการผลิตชิ้นงาน รวมไปถึงการจัดการคลังสินค้าและการผลิตอย่างมีคุณภาพ ด้วยบุคลากรคุณภาพ อุปกรณ์อัตโนมัติที่ทันสมัยและโปรแกรมในการออกแบบเพื่อการทำงานเสมือนจริงมากที่สุด
ถ้าคุณสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของสินค้าหรือบริการจากเรา คุณสามารถติดต่อเราได้ที่นี่ หรือ Call Center 02-7623000 เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและเครื่องมือที่พร้อมให้บริการกับคุณอย่างเต็มที่