
เพราะความก้าวล้ำที่ไม่มีคำว่าสิ้นสุดของโลกเทคโนโลยี จึงถือกำเนิดสิ่งวิเศษที่เรียกว่า IoT หรือ Internet of Things ขึ้นมา
เพื่อเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี เครื่องซักผ้า หรือผลิตภัณฑ์ใดก็ตามเชื่อมเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ควบคุมการทำงานผ่านระบบเซ็นเซอร์ ทำให้เหล่าบรรดาเจ้าของโรงงานที่มีกำลังทุนสูงทั้งหลาย ต่างเริ่มนำนวัตกรรม IoT เข้ามาใช้ในโรงงานตัวเองกันมากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน ควบคุมกำลังการผลิตแบบเรียลไทม์ นับว่าโลกของเรากำลังเข้าสู่สมัยดิจิทัลอย่างแท้จริงกันแล้วสิ งั้นเราไปทำความรู้จักพร้อมๆ กันเลยดีกว่าว่า IoT ที่ว่านี้มันเหนือชั้นเพียงใด
Sreenivasa Chakravarti เจ้าของไอเดีย IoT (Internet of Things) จากบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ในอินเดียอย่าง Tata Consultancy Services ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากผู้บริหารซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าของธุรกิจจำนวน 795 รายที่ได้มาซื้อบริการ IoT เพื่อทำการศึกษาถึงศักยภาพในการเพิ่มรายได้จาก IoT ผลปรากฎว่า IoT มีศักยภาพในการเพิ่มรายได้จำนวนมหาศาลให้กับธุรกิจเป็นอย่างมาก พวกเขายังพบว่า ยิ่งลงทุนให้กับ IoT มากเท่าไหร่ ผลกำไรก็สูงมากเท่านั้น เราลองมาดูจุดเด่นที่เหล่าผู้ผลิตจะได้รับจาก IoT กันบ้าง
กลยุทธ์ที่ดีเยี่ยมของ IoT
ในผลการศึกษานี้ก็จะเน้นไปในเรื่องที่ว่า กลยุทธ์ของ IoT ในข้อใดบ้างที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อเจ้าของธุรกิจ ซึ่งมีบริษัทจำนวนมากที่ใช้ IoT เป็นตัวควบคุมการผลิตสินค้าและเป็นตัวจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อช่วยลดต้นทุนในการผลิตและนำไปสู่การเพิ่มผลกำไรของกิจการ ซึ่งมีจำนวนเจ้าของธุรกิจมากถึง 48% เลยทีเดียวที่ใช้ IoT เพราะกลยุทธ์นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ผลิตยังสามารถติดตามขั้นตอนการผลิตสินค้าได้ทุกเมื่อจาก IoT รวมไปถึงทำการรายงานบำรุงรักษาและตรวจวิเคราห์ถึงปัญหาได้ด้วยตัวของมันเอง แทนที่อุปกรณ์จะหยุดทำงาน แต่ IoT สามารถระบุข้อผิดพลาดไปยังฝ่ายช่างเพื่อรายงานความผิดพลาดได้โดยตรง ซึ่งผู้ผลิตจะทราบถึงปัญหาก่อนที่ลูกค้าจะคอมเพลนแน่นอน
วิวัฒนาการของโมเดลธุรกิจที่จะก้าวหน้าไปอีกขั้น

ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
โดยทั่วไปแล้ว เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ก็มักจะให้ความสำคัญกับความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะของลูกค้ามาพัฒนาการบริการหรือสินค้าให้ดีขึ้น แต่กลับกันที่ผู้ผลิตบางคนก็เชื่อมั่นในประสบการณ์และความรู้สึกของตนเองเท่านั้น แต่ IoT สามารถช่วยให้เราเข้าถึงการใช้งานผลิตภัณฑ์ และเข้าถึงลูกค้าได้ลึกขึ้นไปอีกขั้น ในกรณีที่ลูกค้าใช้งานผลิตภัณฑ์ของเราไปในรูปแบบที่ไม่ถูกทางตามที่เราได้ดีไซน์ไว้ ก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่หลากหลายของการใช้งานผลิตภัณฑ์มากขึ้น เปรียบเสมือนฟีดแบคอีกรูปแบบหนึ่งที่จะมาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เซ็นเซอร์เป็นตัวควบคุมทุกๆ สิ่ง
ปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จ
- กำหนดเป้าหมายธุรกิจให้ชัดเจน จะใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมืออะไรเป็นตัวสร้างรายได้ เน้นไปที่ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเป็นหลัก
- ธุรกิจที่เราจะทำจะต้องนำมาใช้เชื่อมต่อกับระบบ IoT ได้ด้วย เพื่อให้ได้ผลกำไรตามที่เราตั้งเป้าเอาไว้
- ทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของเรากับระบบ IoT เข้าด้วยกันโดยใช้ระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งนอกจากจะช่วยสนับสนุนในเรื่องของการจัดการสินค้าได้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ผลิตเข้าถึงระบบการทำธุรกิจได้ลึกซึ้งขึ้นอีกด้วย เพราะหากมีตัวเซ็นเซอร์ มันจะคอยตรวจจับความผิดพลาด หรือช่วยเตือนเราได้ในทุกๆสิ่ง เราจะได้รู้ข้อผิดพลาดในสินค้าของเราก่อนที่จะโดนลูกค้าคอมเพลนมานั่นเอง
- อบรมพนักงานให้มีภาพลักษณ์และทัศนคติที่ดีต่อลูกค้าเสมอ อย่าลืมนะ เพราะลูกค้าคือพระเจ้ายังไงล่ะ เพราะฉะนั้น การบริการที่ดีของพนักงานในองค์กรจะเป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ที่ลูกค้าจะติดใจในสินค้าของเรา
- ระบบ IoT นั้นนับว่าซับซ้อนมาก ต้องอาศัยผู้ชำนาญในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่ายต่างๆ ดังนั้น การจะพัฒนาจนทำให้ธุรกิจของเรานั้นกลายเป็นที่ยอมรับในหมู่ลูกค้าจึงนับเป็นเรื่องที่ท้าทาย และต้องอาศัยความรู้ทางด้านนวัตกรรมพ่วงด้วย
IoT เปรียบเสมือนของเล่นชนิดหนึ่งที่จะดิ้นได้ไปอีกหลายรูปแบบนับไม่ถ้วน ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของธุรกิจจะหยิบมันมาใช้ได้อย่างถูกที่ถูกทางหรือไม่ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยในด้านสินค้าเท่านั้น มันยังช่วยดูแลในด้านการบริการได้อีกด้วย แถมในอนาคต ก็พอมีข่าวลือมาว่า IoT จะพัฒนาไปได้ไกลอีกหลายระดับ ผู้ผลิตท่านใดที่มีระบบนี้ไว้ในครอบครอง ก็เตรียมรับทรัพย์ก้อนโตกันอย่างหนำใจได้เลย
ที่มา: http://www.equipment-news.com/iot-in-manufacturing-starting-the-growth-engine