HH-411 เป็นเครื่องทดสอบความแข็งแบบพกพา ขนาดกะทัดรัดที่ใช้งานง่าย อ่านค่าแบบดิจิตอล ช่วยให้ทุกคนทำการทดสอบความแข็งได้อย่างง่ายดาย
เหมาะสำหรับการทดสอบชิ้นงานโลหะที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ทดแทนการใช้เครื่องทดสอบความแข็งขนาดใหญ่ เช่น Rockwell Hardness หรือ Vickers Hardness ที่มีปัญหาในการตรวจสอบชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่และทิ้งรอยขนาดใหญ่ในการทดสอบ
การทดสอบความแข็งแบบ Rebound นั้น ใช้หลักการดีดลูกบอล Tungsten carbide ใส่ชิ้นงาน และคำนวณรูปแบบการสะท้อนกลับด้วย Coil และคำนวณเป็นค่าความแข็งออกมา (ได้มาตรฐานตาม ASTM A 956)
Hardmatic HH-411 ให้คุณประโยชน์ดังต่อไปนี้:
- การวัดดำเนินการด้วยค่าความแข็ง L (ค่า Leeb) แต่สามารถแปลงหน่วยวัดเป็นค่าความแข็งที่ต้องการได้
- การวิเคราะห์การตัดสินใจ GO/±NO GO พร้อมฟังก์ชันการตั้งค่าและเลือกค่า Tolerance
- จัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 1,800 ข้อมูล และการชดเชยมุมทิศทางการวัดอัตโนมัติ
ใช้งานง่าย
ทำการทดสอบความแข็งได้ง่าย เพียงถือ Impactor ไว้บนพื้นผิวของชิ้นงาน แล้วกดปุ่ม
สามารถทำการทดสอบความแข็งพื้นผิว ในที่แคบได้
ในการทดสอบความแข็งด้วย HH-411 ใช้พื้นที่ทำการวัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการทดสอบความแข็งของพื้นผิว เช่น โครงสร้างชิ้นส่วน ร่องเฟือง ฯลฯ
– ขนาดเล็ก ø22 มม. สำหรับ Standard type D impactor
– และ ø4 มม. สำหรับ Optional type DL impactor
Impactor Type
D type : แบบมาตรฐาน แบบเอนกประสงค์
DC type : เหมาะสำหรับการวัดภายในงานท่อขนาดเล็ก
D+15 type : เหมาะสำหรับการวัดช่องว่างภายในชิ้นงานและร่องของชิ้นงาน เช่น ลูกปืน และเฟือง
DL type : เหมาะสำหรับการวัดในพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ร่องเฟือง มุมเชื่อม
มาพร้อมฟังก์ชั่นการจัดเก็บข้อมูล
สามารถเก็บบันทึกข้อมูลผลการทดสอบความแข็งได้สูงสุด 1800 รายการ มีประโยชน์มากสำหรับการทดสอบที่หน้าไซต์งาน
สามารถแปลงหน่วยวัดความแข็งได้หลากหลาย
HH-411 ให้ผลลัพธ์ค่าความแข็ง HL (ความแข็ง L: เป็นไปตาม ASTM A 956) โดยสามารถแปลงเป็น Vickers, Brinell, Rockwell C, Rockwell B, Shore และค่าความต้านทานแรงดึงได้โดยอัตโนมัติตามต้องการ ระหว่างการทดสอบ
มาพร้อมฟังก์ชั่นชดเชยมุมอัตโนมัติ
การวัดความแข็งแบบ Rebound โดยปกติได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วง ขึ้นอยู่กับมุมที่ถือ Impactor แต่ HH-411 มาพร้อมกับเทคโนโลยีการวัดตัวล่าสุด ที่สามารถรับรู้การวางแนวของ Impactor โดยอัตโนมัติและชดเชยค่าผลกระทบนี้เพื่อให้เกิดความแม่นยำสูงสุดในทุกการวัด.
