การทำงานของเซนเซอร์ภายในโรงงานนั้นมีมากมายหลากหลายประเภท โดยสองประเภทใหญ่ที่มักได้พบเจอกันคือการใช้ proximity sensor กับ photoelectric sensor บทความนี้จึงจะมาอธิบายความแตกต่างของเซนเซอร์ทั้งสองรูปแบบ รวมถึงการสร้างความชัดเจนแก่ผู้ที่ต้องการใช้งานว่าเราควรเลือกเซนเซอร์แบบไหนกันแน่
Proximity sensor VS Photoelectric sensor
Proximity Sensor
Proximity Sensor เป็นเซนเซอร์ที่ใช้การตรวจจับโลหะเป็นหลัก ซึ่งสามารถทำงานได้โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับวัตถุ มีการทำงานที่หลากหลายรูปแบบ ทั้งการใช้สนามแม่เหล็ก สนามพลังงานไฟฟ้า หรือสัญญาณอื่นๆ เพื่อตรวจสอบเป้าหมายที่ต้องการ
Proximity Sensor จะมีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ตามหลักการการใช้งาน ดังนี้
1. Inductive Sensor เซนเซอร์ตรวจจับโลหะที่ใช้หลักการเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กความถี่สูงในการทำงาน หากมีวัสดุที่เป็นโลหะผ่านเข้ามาใกล้เคียง ค่าความเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโลหะแต่ละชนิดจะให้การเหนี่ยวนำที่แตกต่างกัน ทำให้สามามารถแยกแยะโลหะแต่ละประเภทได้
2. Capacitive Sensor เซนเซอร์ตรวจจับวัสดุที่มีการตรวจจับด้วยการใช้ประจุไฟฟ้า สามารถตรวจจับวัสดุได้หลากหลายมากกว่า Inductive Sensor ทั้งโลหะ อโลหะ ขวด กระป๋อง พลาสติก ไปจนถึงสิ่งที่เป็นฝุ่นผงต่างๆ
Photoelectric Sensor
Photoelectric Sensor เป็นเซนเซอร์ที่ใช้การอุปกรณ์ส่งสัญญาณแสง (Emitter) ไปยังอุปกรณ์รับแสง (Receiver) หากมีวัตถุเคลื่อนตัวผ่านแสง อุปกรณ์รับแสงจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปให้เครื่องจักรที่เกี่ยวข้องรับทราบ ซึ่งมีการแบ่งการทำงานเป็น 3 แบบหลักๆ คือ Diffuse, Retroreflective และ Opposed ที่มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป เช่น การทำงานร่วมกับวัตถุทึบแสง โปร่งแสง วัตถุที่มีความแวววาว
ผู้สนใจสามารถอ่านเรื่องราวของ Photoelectric Sensor เพิ่มเติมได้ในบทความ “หลักการทำงานของ Photoelectric sensor ทำงานอย่างไร” เพื่อความเข้าใจที่มากยิ่งขึ้น
ความเหมาะสมในการใช้งานในโรงงาน
Proximity Sensor เหมาะสมอย่างมากสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโลหะ เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เครื่องยนต์ ยานยนต์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้วัสดุประเภทโลหะและอโลหะเป็นภาชนะ เพราะจุดเด่นของ Proximity Sensor ที่สามารถประยุกต์ใช้งานได้ดีคือการทำงานร่วมกับโลหะที่สามารถตรวจจับได้แม้จะมีวัสดุอื่นๆ เช่น กล่อง หรือถุงมาขวางกั้น
Photoelectric Sensor สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในอุตสาหกรรมพลาสติก ตรวจสอบวัตถุที่มีความแวววาวเช่นถุงพลาสติก หรือมีความโปร่งแสงเช่นแก้วและกระจกบางประเภท
แน่นอนว่า Photoelectric Sensor สามารถประยุกต์ใช้เข้ากับอุตสาหกรรมและ Automation ที่ทำงานร่วมกับโลหะได้ด้วย แต่ว่า Photoelectric Sensor ไม่สามารถตรวจจับ “ทะลุ” สิ่งของได้ เนื่องจากใช้แสงในการทำงานเป็นหลัก ดังนั้นสำหรับอุตสาหกรรมที่มีโลหะเป็นหลักในการทำงานแล้ว Proximity Sensor จะมีความเหมาะสมมากกว่า
การทำงานเพิ่มเติมของ Sensor ชนิดต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น Proximity sensor หรือ Photoelectric sensor ก็มีการพัฒนาเสริมคุณสมบัติต่างๆ เข้าไป เพื่อทำให้สามารถทำงานได้หลากหลายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- ความสามารถในการตรวจจับวัสดุแบบเฉพาะเจาะจง
- ความสามารถในการทนอุณหภูมิ แรงดัน ฝุ่น ควันต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
- ความสามารถในการตรวจจับที่มีระยะไกลยิ่งขึ้น
- ความสามารถในการทำงานในโรงงานเฉพาะทาง เช่น การทำงานในโรงงานผลิตอาหาร ที่ต้องการความสะอาด หรือการทำงานในอุตสาหกรรมประมง ที่ต้องมีการทนต่อความเค็มของเกลือ เป็นต้น
- ความสามารถในการใช้งานในที่แคบ ติดตั้งในพื้นที่จำกัด
คุณสมบัติบางประเภทอาจต้องการการสั่งทำชนิดพิเศษ หรือมีขายเฉพาะแบรนด์เท่านั้น โดยสามารถดูตัวอย่างได้ ที่นี่
สรุปบทความ
การเลือกใช้งานอุปกรณ์เซนเซอร์นั้นถือเป็นจุดสำคัญสำหรับการวางระบบ automation ให้ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางผู้ประกอบการควรมีการตรวจสอบและวางแผนก่อนการเลือกซื้อ Proximity Sensor หรือ Photoelectric Sensor เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ถ้าคุณมีข้อสงสัยหรือสนใจในเรื่องของ Sensor ชนิดต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่ ที่เกี่ยวข้องกับ Automation การจัดการและความปลอดภัยภายในโรงงาน คุณสามารถดูสินค้าที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่ หรือเลือกติดต่อเราได้ที่นี่ ด้วยบริการให้คำปรึกษาจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค เครื่องมือ และเครื่องจักรกลคุณภาพสูง และระบบงานออโตเมชั่น IoT พร้อมให้บริการกับคุณอย่างเต็มที่
บริการด้านโรงงานอุตสาหกรรมจากสุมิพล
สุมิพลให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการออกแบบระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม การใช้งานอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อความเหมาะสมกับโจทย์การผลิตและงบประมาณของลูกค้า รวมถึงการประกอบติดตั้งเชื่อมการทำงานของเครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เข้ากับระบบควบคุมการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกระบวนการผลิตให้สูงขึ้น
ถ้าคุณสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของสินค้าหรือบริการจากเรา คุณสามารถติดต่อเราได้ที่นี่ หรือ Call Center 02-7623000 เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและเครื่องมือที่พร้อมให้บริการกับคุณอย่างเต็มที่
